ในสังคมที่พร่ำบอกว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่กลับยังคงปิดตา ปิดหู และปิดใจต่อผู้ประกอบอาชีพบริการ (Sex Worker) ที่หาเลี้ยงชีพด้วยร่างกายของตนเอง พวกเขาถูกสังคมตีตรา ด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น ไร้ศักดิ์ศรี ทั้งที่แท้จริงแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่ง ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดและเลี้ยงครอบครัวในระบบเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียม ขณะเดียวกัน วัฒนธรรมไทยก็โปรโมต “เมืองท่องเที่ยวกลางคืน” และเปิดพื้นที่บริการทางเพศเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจแฝง ภาพนี้ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริงที่พวกเขาเผชิญเป็นอย่างมาก เพราะสังคมยอมให้มีอุตสาหกรรม sex work เพื่อดึงดูดเงิน แต่ในขณะเดียวกัน กลับผลักความรับผิดชอบและความชอบธรรมออกจากผู้ทำงานจริง
คุณสุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้อำนวยการ SWING Thailand - มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ และคุณชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ จากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ ได้เข้าร่วมพูดคุย แชร์ประสบการณ์การทำงานกับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพพนักงานบริการ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมาผ่านทางไลฟ์ของเครือข่ายประชาชนขจัดการเลือกปฏิบัติ โดยทั้งสองคนได้เล่าถึงความยากลำบากในการทำงาน ที่ไม่ใช่เพียงการต่อสู้ทางกฎหมาย แต่นี่คือการต่อสู้เพื่อรื้อถอนโครงสร้างทางความคิด ความเชื่อ และวัฒธรรมการตีตราที่ผิดเพี้ยนของสังคม
กรอบศีลธรรมแบบไทย - ที่มักเชื่อมโยงเรื่องเพศกับความผิดบาป ความสกปรก และความไม่บริสุทธิ์ ส่งผลต่อทัศนคติต่ออาชีพนี้ทำให้เสื่อมเสียศีละรรมอันดี ทำให้ครอบครัวแตกแยก
วัฒนธรรม - สังคมไทยยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมร่างกายผู้หญิง โดยเฉพาะเรื่องเพศ ส่งผลให้บริการกลับถูกมองว่า “เสียเกียรติ” หรือ “ไร้ศักดิ์ศรี”
กฎหมายและนโยบายรัฐ – ที่ใช้ถ้อยคำในเชิงลงโทษ เช่น “ผู้กระทำผิด” “ผู้ขายตัว” ซึ่งซ้ำเติมความอับอายและสร้างตราบาปทางสังคมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อทัสนคติที่ผิดเพียน อาทิ ถ้าไม่มีกำหมายควบคุม คนจะหันมาประกอบอาชีนี้อย่างล้นหลาม อีกทั้งคนที่ได้ประโยชน์จากอาชีนี้ไม่ยอมเสียผลประโยชน์ การคอรัปชั่น
ในประเทศไทย การค้าบริการทางเพศถูกจัดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้ พระราชบัญญัติปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 แม้ในทางปฏิบัติอุตสาหกรรมทางเพศจะดำรงอยู่อย่างเปิดเผย และถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจเงา แต่กฎหมายกลับผลักให้แรงงานกลุ่มนี้อยู่ในพื้นที่ “นอกระบบ” ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การคุ้มครองแรงงาน สวัสดิการด้านสุขภาพ กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมเมื่อถูกละเมิดหรือถูกเอาเปรียบ ไม่มีอำนาจต่อรองเงื่อนไขในการทำงานทั้งกับผู้ประกอบการและผู้ซื้อบริการ
ขณะผู้คนในสังคมเริ่มออกมาเรียกร้องให้อาชีพ “Sex Worker = Sex Work is Works.” หรือแม้แต่ขบวนการสิทธิแรงงานบริการทางเพศทั่วโลกใช้สโลแกน “Sex Worker = Worker” แต่กฎหมายในประเทศไทยกลับยังดูล้าหลัง ส่งผลให้ผู้ประกอบอาชีพพนักงานบริการต้องทำงานภายใต้ความเสี่ยง
สุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้อำนวยการ SWING Thailand กล่าวว่า "การมีกฎหมายปราบปรามเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่สุจริตมาเอารัดเอาเปรียบมาทำร้ายผู้ประกอบอาชีพนี้ ทำให้ความเป็นธรรมไม่เกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปกับงานผลักดันกฎหมาย คือ การทำงานเพื่อปรับทัศนคติเพื่อลดอคติ และรับรู้ถึงปัญหาในอาชีพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงทำงานรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่กับสังคม ดังนั้น จึงจำเป้นที่ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งภาคประชาชน ประชาสังคม รวมถึงจากภาครัญด้วย
ด้าน คุณชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ จากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวว่า "หากกฎหมายปราบปรามการค้าประเวณีถูกยกเลิก อาชีพ Sex Worker จะถูกรับรองว่าเป็นแรงงานคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่อาชีพอาชญากรอีกต่อไป และจะทำให้เราเข้าถึงการคุ้มครองแรงงาน สามารถขึ้นศาลแรงงานได้ ทำให้อาชีพนี้มีอำนาจต่อรอง สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทำงาน และเพื่อคืนสักดิ์ศรีความเป้นมนุษย์ให้กับอาชีพพนักงานบริการ"
นอกจากนี้มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมได้รวบรวมรายชื่อของประชาชนให้ได้ครบ 10,000 ชื่อ เพื่อเสนอต่อรัฐสภา และปัจจุบันยังขาดอีก 3,000 รายชื่อ ซึ่งสามารถร่วมลงชื่อได้ที่ https://www.ilaw.or.th/articles/51903
เรียบเรียง: ดวงทิพย์ ฆารฤทธิ์