สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวชลิตา มณีรัตน์ อายุ 18ปี ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 ดิฉันคือเด็กสาวที่มีบัตรเริ่มต้นด้วยเลข 0 ถ้าคุณได้ลองหยิบบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองขึ้นมาดู แน่นอนว่ามันคงหาง่ายใช่ไหมคะ ... แต่ไม่ใช่สำหรับหนู เพราะบัตรของหนูเป็นสีขาว
ชีวิตของฉันไม่ได้ง่ายเหมือนกับคนอื่น บ้านที่ฉันอาศัยอยู่เป็นบ้านเช่าไม่มีบ้านของ ตัวเองไม่มีที่ดินทำมาหากิน พ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไปส่งลูกเรียน 3 คน หากมีงานที่ฉันสามารถทำได้ ก็จะไปทำกับพ่อแม่เพื่อที่จะได้นำเงินเป็นค่าขนมไปโรงเรียน ความลำบากทั้งหมดนี้ยังไม่เทียบเท่ากับการที่ดิฉันไม่มีบัตรประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันรู้สึกน้อยใจและเสียใจมาก
มันทำให้ครอบครัวดิฉันไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐหลาย ๆ อย่าง แม้กระทั้งตอนเจ็บป่วยไม่สบายหากไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐก็ต้องจ่ายในราคาที่สูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันกังวลมาก เพราะหากพ่อแม่ของดิฉันต้องเจ็บป่วย นอนโรงพยาบาลหลายวัน ก็ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล เพราะประกันชีวิตก็ไม่สามารถทำได้ บ้านของดิฉันมีรถมอเตอร์ไซค์เพียง 1 คัน ที่ไว้ใช้งาน เป็นรถที่พ่อแม่ได้ไปซื้อมือสองมาเพราะบัตรเลข 0 ที่ดิฉันมีไม่สามารถออกรถได้ และสิ่งที่เป็นผลกระทบมากที่สุด คือ การศึกษา
ฉันมีพี่น้
อง 4 คน รวมตัวเอง พี่ชายคนโตมีครอบครัวส่วนฉัน พี่สาวและน้องชายกำลังเรียนอยู่ พี่สาวของฉันอยู่มหาลัยปี 3 และหากเรียนปี 4 กำลังจะจบ แต่ถ้ายังไม่มีบัตรประชาชนก็ไม่สามารถที่จะรับปริญญาได้ เท่ากับว่าที่เรียนมาไม่มีประโยชน์ เพราะไม่สามารถจะไปสมัครงานในสายที่เรียนมาได้ นอกจากนี้คณะที่เรียนยังต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนอื่น ส่วนตัวดิฉันกำลังจะเรียนจะจบ ม.6 หากไปต่อมหาลัยแต่ยังไม่มีบัตรประชาชน ก็จะส่งผลกระทบเช่นกัน
แม้แต่ขณะที่เรียนอยู่ในปัจจุบัน จะขอทุนเพื่อเรียนต่อก็ไม่สามารถทำได้ เพราะบัตรเลข 0 ที่มีไม่สามารถทำได้หรืออยากจะกู้กยศ.เพื่อใช้ในการศึกษาก็ไม่สามารถกู้ได้ เวลาที่มีหน่วยงานเข้ามาให้ความรู้ภายในโรงเรียนและต้องใช้ข้อมูลเลขบัตรประชาชนเพื่อกรอกลงในแอปฯ ก็ไม่สามารถทำได้ ทำให้รู้สึกน้อยใจในความที่ตัวเองต้องแตกต่างจากเพื่อนมาก ทั้งบ้านมีเพียงดิฉันและพี่สาวที่มีบัตรหัวเลข 0 การที่มีบัตรหัวเลข 0 หลายคนที่ไม่รู้อาจมองว่าครอบครัวฉันเป็นคนต่างด้าวหรือ ? แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันก็อาศัยอยู่ที่ประเทศไทยในจังหวัดชุมพร แต่ถึงแม้ฉันจะเกิดกับหมอตำแยเพราะแม่ฉันไม่มีความรู้จบแค่ป.4 ท่านกลัวว่าหากไปโรงพยาบาลจะเสียค่าใช้จ่ายมาก และท่านไม่มีจ่าย ฉันได้รับการศึกษาตั้งแต่อนุบาล ทั้งพูดและเขียนภาษาไทย ญาติพี่น้องแท้ ๆ ของครอบครัวฉันแต่ละคนมีบัตรประชาชน
หมอตำแยที่ทำคลอดฉันตอนนี้ท่านก็ยังอยู่ และมีคนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับฉันสามารถยืนยันได้ว่า ฉันอยู่ที่นี่เกิดที่นี้ ครอบครัวฉันได้ยื่นเรื่องการทำบัตรประชาชนมานานมาก โดยแม่ของฉันได้ปรึกษากับทางผู้ใหญ่บ้านเพื่อที่จะยื่นเรื่องเอกสารผังครอบครัว เอกสารบัตรประชาชนของญาติไปที่ทางอำเภอหลายต่อหลายครั้ง แต่เรื่องก็ยังเงียบ ซึ่งดิฉันเองก็ไม่ทราบ ว่าเป็นเพราะเหตุใด แม้กระทั่งพาญาติไปช่วยพูดยืนยันตัวตนกับทางอำเภอ ก็ทำมาแล้วแต่เรื่องก็ยังเงียบ จนบางครั้งที่แม่ฉันท้อมากแต่ท่านก็ยังสู้เพื่ออนาคตของลูก ๆ
สุดท้ายนี้ฉันอยากจะบอกว่า ความรู้ฉันสามารถค้นคว้าศึกษาเองได้ เงินทองสามารถหาเองได้ แต่หากไม่มีบัตรประชาชนความฝันของฉันที่คิดอยากจะทำคงไม่เป็นจริง ความฝันตั้งแต่เด็กฉันอยากเป็นครู เพราะเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจได้สอนเด็ก ๆ แต่หากไม่มีบัตรประชาชน ความฝันของฉันคงเป็นจริงไม่ได้อนาคต ฉันไม่รู้ว่าจะได้บัตรประชาชนหรือไม่ และหากไม่มีบัตรประชาชน ชีวิต ความฝัน อาชีพในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่หากฉันได้บัตรประชาชนชีวิตของฉันคงมีโอกาสและมีทางเลือกมากกว่านี้อย่างแน่นอน
.
.
_____________________________
* ข้อมูลเพิ่มเติม - ยังมีคนไทยพลัดถิ่นอีกมากกว่า 300 คน ที่บ้านร้านตัดผม ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ที่ตกหล่นอดได้รับสิทธิและสวัสดิการของความเป็น “คนไทย” โดยบางรายยื่นเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความเป็นคนไทยมาแล้วมากกว่า 10 ปี แต่ราวกับคำร้องนั้นไม่ถูกพิจารณา โดยกำนัน หนูไกร วงธรรม กำนันอำเภอท่าแซะและรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสองพี่น้อง ยืนยันว่า จำนวนนี้ลดลงมากกว่าครึ่งซึ่งก่อนหน้านี้มีจำนวนเกิน 900 ราย และทยอยได้รับสิทธิ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่