บทความ
รัฐสวัสดิการไม่ใช่ทาน แต่คือฐานชีวิตที่มั่นคงของทุกคน

สวัสดิการถ้วนหน้ามีความจำเป็นสำหรับคนทุกคน เนื่องจากรัฐสวัสดิการเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ขั้นต่ำมนุษย์ควรมีปัจจัยสี่ ได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค และรัฐสวัสดิการยังเป็นเสมือนตาข่ายรองรับเผื่อเกิดความผิดพลาดในการใช้ชีวิตคน ๆ นั้นจะได้ไม่ต้องลำบากมากนัก อาทิ เมื่อตกงาน เมื่อเจ็บป่วย ฯลฯ เพราะคนทุกคนจะมีเงินเดือนประชาชน

ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีระบบรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า แต่มีสวัสดิการเฉพาะบางประเด็นปัญหา อาทิ โครงการบัตรทอง เบี้ยผู้สูงอายุ แต่ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำเพราะผู้ใช้สิทธิในโครงการบัตรทองจะได้รับการรักษาที่แตกต่างจากผู้ที่ใช้สิทธิข้าราชการ และสิทธิประกันสังคม และยังมีความไม่พอเพียงโดยเบี้ยผู้สูงอายุเริ่มต้นที่เดือนละ 600 บาทโดยเฉลี่ยสามารถกินไข่ต้มได้แค่มื้อละ 1 ฟองเท่านั้น ส่วนการเรียนฟรีไม่สามารถเรียกว่าเป็นรัฐสวัสดิการได้อย่างเต็มปาก เนื่องจาก ผู้ปกครองยังต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้บุตรหลานไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้เป็นอุปสรรคและส่งผลให้มีผู้หลุดออกจากระบบการศึกษาในทุกปี

เมื่อไม่มีระบบสวัสดิการถ้วนหน้า การให้ความช่วยเหลือคนที่ยากลำบากจึงออกมาในรูปแบบการทำทาน การบริจาค หรือสังคมสงเคราะห์ ที่มีลักษณะร่วมกันประการหนึ่งคือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้ที่อยู่สูงกว่าผู้รับ และมีหนี้บุญคุณต่อกัน ส่วนถ้าเป็นสังคมสงเคราะห์จะมีเงื่อนไขตามมาอีก นั่นคือ ต้องพิสูจน์ความยากจน อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งทำให้คนเข้าร่วมโครงการต้องการประจานตนเอง และไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

การทำทาน การบริจาค หรือสังคมสงเคราะห์ แตกต่างจากรัฐสวัสดิการ ตรงที่รัฐสวัสดิการคือการให้ตามสิทธิที่ประชาชนต้องได้รับ และให้อย่างทั่วถึงโดยไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานะของผู้รับ

ต้องยอมรับว่า คนบางคนนิยมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการทำทานมากกว่าเรียกร้องให้มีสวัสดิการถ้วนหน้า เพราะเขาคิดว่ารัฐควรช่วยเหลือเฉพาะคนจน หรือช่วยเหลือคนจนก่อน รัฐมีเงินเท่าไหร่ก็ช่วยเหลือเท่านั้น แต่สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ และทำให้ความเหลื่อมล้ำยังคงอยู่

ฉะนั้นจึงต้องทำให้ประเทศไทยมีระบบรัฐสวัสดิการเพื่อเปลี่ยนจากการให้ความช่วยเหลือเป็นการให้ตามสิทธิอย่างครบถ้วน เพื่อให้คนทุกคนอยู่ได้และมีโอกาสเลื่อนชั้นทางสังคม และที่สำคัญรัฐสวัสดิการคือพันธกิจของรัฐที่มีต่อประชาชน

รัฐสวัสดิการจึงไม่ใช่แค่การให้ความช่วยเหลือแบบทำทานหรือสังคมสงเคราะห์ที่จะมีต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่รัฐสวัสดิการคือการสร้างรากฐานที่มั่นคงของชีวิต

ที่ผ่านมามีผู้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศไทยมีรัฐสวัสดิการเสียงไม่ดังพอ นั่นอาจเป็นเพราะ คนบางส่วนยังไม่เข้าใจว่ารัฐสวัสดิการคืออะไร และสามารถโอบรับความเสี่ยงของชีวิตของคนทุกคนได้อย่างไร จึงไม่ออกมาเรียกร้อง ฉะนั้นจึงต้องสร้างความเข้าใจต่อประชาชนให้เห็นคุณค่าและความจำเป็นของการมีรัฐสวัสดิการ

ต้องสร้างการรับรู้ว่า ประชาชนทุกคนคือเจ้าของประเทศนี้อย่างแท้จริง และต้องทำให้เกิดฉันทามติให้ได้ว่า ระบบทุนนิยมเสรีนิยมที่ประเทศไทยถูกดึงดูดให้อยู่กับระบบเศรษฐกิจเช่นนี้ ทำให้คนส่วนน้อยระดับบนได้รับผลประโยชน์มากกว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศ และนับวันช่องว่างจะถ่างออกไป

ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของเหตุผลที่ควรมีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า นั่นคือ การเฉลี่ยทุกข์สุขร่วมกันของคนในสังคม ถ้าเราเชื่อในเรื่องความเป็นพี่น้องกัน หรือ ภราดรภาพ เราเห็นว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมและเกิดมาพึ่งพากัน เราควรจึงสนับสนุนแนวคิดรัฐสวัสดิการ

จริงอยู่หากมีระบบสวัสดิการถ้วนหน้า รัฐบาลจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และต้องเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่ผู้ที่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นจะเป็นคนส่วนบน คนเหล่านี้ร่ำรวยอยู่แล้ว พวกเขาอาจจะรวยน้อยลง แต่โดยรวมแล้วฐานะของพวกเขามั่งคั่งกว่าฐานะของคนกลุ่มอื่นทุกกลุ่มรวมกันหลายเท่าตัว อย่าลืมว่าประเทศไทยมีความเหลื่อล้ำติดอันดับต้นของโลก

ข้อมูลจากปี 2558 ระบุว่า ความมั่งคั่ง 56% ของประเทศไทยถือครองโดยคนเพียง 1% เท่านั้น ขณะที่คนอีก 99% แบ่งกันถือครอง 44% ที่เหลือ

แล้วคุณคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประเทศไทยต้องมีระบบสวัสดิการถ้วนหน้าจากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน เพื่อลดความเหลื่อล้ำ และเพื่อสร้างความมั่นคงในการใช้ชีวิตของคนทุกคน

รู้จักเราเพิ่มเติม
ร่วมบอกเล่าประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติ
  • ร่วมบอกเล่าประสบการณ์ / เรื่องราวที่คุณเคยเจอหรือพบเห็น เพื่อให้เรานำเสนอต่อสาธารณะ
  • หากเรื่องราวของท่านได้รับการนำเสนอ จะได้รับการติดต่อมอบหนังสือขอบคุณ และติดตามการช่วยเหลือ
บรรยายเรื่องราว เหตุการณ์ โดยย่อ
ผู้แจ้งเบาะแส
หมายเลขโทรศัพท์
แจ้งเบาะแส
หรือร้องเรียนผ่าน Crisis Response System (CRS) ที่ สวัสดีปกป้อง